He is the pretties pink I have ever seen - He is the pretties pink I have ever seen นิยาย He is the pretties pink I have ever seen : Dek-D.com - Writer

    He is the pretties pink I have ever seen

    รู้ไหม...แกเป็นสีชมพูที่สวยที่สุดเลย

    ผู้เข้าชมรวม

    279

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    279

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    6
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ก.พ. 64 / 02:46 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    ‘He is the prettiest pink I have ever seen’

     

    ?“??

     

    “วาดอะไรน่ะ”

    “ดอกกุหลาบ”

    “สีชมพูเหรอ”

    “ใช่แล้ว”

    “ชอบสีนี้เหรอ”

    “ชอบมากๆเลย”

    คำตอบที่ยินมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เขาผายมือเพื่อให้ผมได้มองรูปวาดตรงหน้าชัดๆ เป็กอีกครั้งที่เขาหยิบเอาสีโทนเดิมออกมาใช้ ดอกกุหลาบน้อยใหญ่เรียงสลับซับซ้อนกัน แลดูเหมือนกักขังทุ่งดอกไม้เอาไว้ภายในกระดาษใบนั้น

    เขาอายุเพียงสิบกว่าปี แต่ฝีมือการวาดกลับล้ำเลิศกว่าใคร

    มือข้างนั้นไม่เคยว่างจากดินสอสี กระเป๋าของเขามีกล่องสีกล่องใหญ่ที่พ่อแม่ยอมควักเงินซื้อให้ แลดูโก้เก๋กว่าใครในห้องจนเพื่อนๆยังต้องอิจฉา ทุกๆวัน หลังเลิกเรียน เขามักจะเดินไปมานั่งตรงโต๊ะไม้หินอ่อนตัวนี้ หยิบเอาสีชมพูสีโปรดแท่งที่สั้นที่สุดขึ้นมา แล้ววาดรูปภาพจากจินตนาการของตัวเอง

    เป็นอย่างนี้ เขามักจะทำอย่างนี้ จากทุกวัน เป็นทุกเดือน และทุกปี

    จนกระทั่งเขาโตขึ้นมาอีกระดับ คุณครูก็มองเห็นความสามารถของเขา

    “ลองลงแข่งวาดรูปดูไหม”

    ผมยืนมองดูเขาคุยกับคุณครู รอยยิ้มกว้างของเขายังดูสว่างไสวกว่าใคร ดวงตาคู่นั้นแวววาวเต็มไปด้วยประกายแห่งความตื่นเต้น ผมยืนรอจนกระทั่งเขาวิ่งกลับมาหากัน มือสองข้างนั้นจับมือของผมเอาไว้ เขย่าไปมา แล้วเล่าเรื่องราวเมื่อครู่ให้ฟังด้วยน้ำเสียงสั่นๆ จนต้องปลอบให้เขาใจเย็นลง

    “จะทำได้ไหมนะ”

    “ทำได้อยู่แล้ว”

    “ต้องมีคนที่เก่งกว่าแน่ๆเลย”

    “ไม่ต้องกลัวหรอก”

    ใช่

    ไม่ต้องกลัวหรอก

    สำหรับผม เขาจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลก สักวันเขาจะเป็นคนคนนั้น ผมมั่นใจ

    และแล้วเขาก็ก้าวไปเป็นผู้เข้าแข่งประกวดวาดรูปครั้งแรกของชีวิต นั่นทำให้เขาตื่นเต้นอยู่บ่อยๆ ฝึกฝนวาดรูปทุกวันจนดึกดื่น เช้ามาก็ต้องเห็นเขาฝึกวาดรูปอยู่ที่โรงเรียน เลิกแล้วก็ยังต้องไปหาคุณครูเพื่อซ้อมวาดรูป กลายเป็นว่าเวลาของเขาที่เคยเป็นของผมก็ยิ่งเหลือน้อยลงไป

    “ซ้อมทุกวันเลย”

    “อื้อ ใกล้แข่งแล้ว ยังใช้สีไม่คล่องเลย”

    “สู้ๆนะ”

    “ขอบคุณนะ”

    เขายิ้มให้ ก่อนจะยื่นมือมารับแก้วน้ำหวานเย็นชื่นใจไปดูด รอยยิ้มกว้างยังคงประดับอยู่บนใบหน้านั้น แต่แววตากลับหม่นแสงลงกว่าครั้งแรกๆที่ได้พูดคุยกัน ผมยืนมองดูแผ่นหลังของเขาหายลับไป ยืนถอนหายใจเตะฝุ่นไปเรื่อยอยู่อย่างนั้น

    อยากจะกลับบ้าน แต่อีกใจก็อยากจะแวะไปดูเขาสักครั้ง

    และแล้วความต้องการอย่างหลังก็เอาชนะ ผมมายืนด้อมๆมองๆอยู่ข้างหน้าต่างห้องเรียนห้องนี้จนได้

    ในห้องไม่มีใครเลย ไม่มีเสียงอะไร มีแค่เพื่อนคนนั้นที่ยังคงนั่งวาดรูปอยู่คนเดียว

    ผมกะว่าจะส่งเสียงทักทายเขาให้ตกใจเล่น ทว่า วินาทีที่ได้เห็นหน้าเขา คนที่ตกใจกลับเป็นผมเสียเอง

    เขากำลังร้องไห้

    นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็นเขาร้องไห้

    มือข้างหนึ่งจุ่มพู่กันกับจานสี มืออีกข้างก็ยกขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเอง ข้างกันเป็นหลอดสีน้ำมากมาย แขนเล็กๆมีรอยสีเปรอะเปื้อนบางจุด เลื่อนสายตาไปอีกนิด ก็ได้เจอเข้ากับรูปวาดที่ถูกวางทิ้งเอาไว้ ภาพวาดที่ไม่สมบูรณ์ถูกวางทิ้งเอาไว้แบบนั้นโดยที่เขาไม่หันกลับไปมองอีก

    ผมจ้องมองเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจปีนหน้าต่างเข้าไปหา ดวงตาคู่นั้นเบิกออกกว้างแล้วหันมามองกันทันที

    สีโปรดของเขาคือสีชมพู เขามักจะวาดรูปด้วยสีชมพู ทุกครั้งที่เขาเลือกหยิบสี เขาจะหยิบสีชมพูก่อนเสมอ

    แต่ครั้งนี้ สิ่งที่กำลังละเลงอยู่บนกระดาษ กลับเป็นสีโทนเข้ม ปลายพู่กันลากวนไปมาคล้ายลังเลที่จะวาดมัน

    “รูปนี้ก็สวยนะ”

    “ไม่สวย”

    “ใครบอก”

    “เพื่อน”

    “คนไหน”

    “...”

    “เขาบอกว่าอะไร”

    “เขาบอกว่าคนอื่นวาดสวยกว่า”

    “รูปนี้สวยแล้ว”

    “ไม่ได้หรอก ยังไม่ดีพอ”

    ใครหนอใครทำลายความมั่นใจของเขา

    สีชมพูที่เคยสว่างสดใสหม่นทะมึนลงไปเมื่อถูกคำพูดพวกนั้นละเลงจนเปื้อนเปรอะไปหมด

    “สวยแล้ว เชื่อสิ”

    “ไม่ต้องโกหกก็ได้”

    “ไม่ได้โกหก ไม่เคยโกหกแกอยู่แล้ว”

    “...”

    “มานี่มา”

    ปลายพู่กันที่จุ่มสีโทนเข้มถูกโยนทิ้งไป เขาอ้าปากค้างทันทีเมื่อผมจัดการวางรูปสีชมพูขึ้นแทนที่รูปภาพขมุกขมัวเมื่อครู่ ภาพทุ่งดอกไม้สีชมพูที่ยังวาดค้างเอาไว้ยังคงค้างอยู่อย่างนั้น ราวกับว่าเขาถอดใจที่จะวาดมันต่อไปแล้ว ผมหันมองเขา แล้วจัดการหยิบเอาพู่กันด้ามใหม่ขึ้นมาจุ่มสีชมพูให้

    “อะไร...”

    “วาดสิ”

    “วาดสีชมพูนี่หรือ”

    “อืม วาดเลย”

    “แย่เนอะ ใช้เป็นแค่สีเดียวแบบนี้”

    “เก่งมากๆแล้ว”

    “ไม่เก่งเลย”

    “ใครจะใช้สีชมพูได้เก่งเท่าแกอีก”

    “เก่งยังไง”

    “ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยเห็นใครใช้สีชมพูวาดเป็นภาพทั้งภาพได้สวยขนาดนี้เลย”

    “...”

    “แกชนะได้ด้วยสีชมพูแน่นอน”

    มือข้างหนึ่งหยิบเอาหูฟังสีขาวขึ้นไปเสียบเข้าที่รูหูเล็กๆของเขา กดเปิดเพลงโปรดเบาๆ เพลย์ลิสต์โปรด กับสีโปรด ค่อยลบเลือนความหม่นทะมึนบนใบหน้านั้น ดวงตาทั้งสองข้างที่จ้องมองกันเริ่มมีประกายเล็กๆค่อยจุดติดขึ้นมา มือที่จับพู่กันจับกระชับกว่าเดิม ก่อนที่เขาจะค่อยจิ้มสีโปรด แล้ววาดภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มในที่สุด

    ไม่มีอะไรที่น่ามองไปกว่ารอยยิ้มกว้างๆของเขา

    คล้ายกับภาพวาดตรงหน้าถูกร่ายเวทย์มนต์บางอย่างลงไป สีชมพูที่เขาใช้ดูเหมือนจะถูกเชื่อมเอาไว้กับความรู้สึกของเขา แม้จะเป็นสีเกลื่อนทั่วไปที่คนใช้ทั่วบ้านทั่วเมือง แต่เมื่อมาอยู่ที่ปลายพู่กันของเขา มันกลับรังสรรค์เป็นจินตนาการกว้างไกลไม่รู้จักจบสิ้น

    ความมั่นใจของเขาจะพุ่งขึ้นสูงที่สุดก็ตอนใช้สีชมพู

    ปลายพู่กันกวาดตวัดไปมาอย่างไม่ลังเลเหมือนแต่ก่อนแล้ว แม้ว่านี่จะเป็นเทคนิคที่เขาไม่ถนัด แต่เขาก็สามารถที่จะวาดมันออกมาได้สวยงาม สมกับเป็นสิ่งที่เขาชอบ สมกับเป็นสิ่งที่เขารัก ผมมองดูภาพตรงหน้าที่กำลังแต่งแต้มไปด้วยสีชมพูจนทั่ว สลับกับภาพสีหม่นทะมึนที่วางอยู่ไกลๆมือ

    “เราจะชนะด้วยสีชมพูจริงๆหรือ”

    “วาดในแบบที่ชอบเถอะ”

    “น่าเบื่อไหม วาดแต่สีนี้”

    “ไม่เลย”

    “ผู้ชายกับสีชมพู ไม่เข้ากันเลยเนอะ”

    “ผิดแล้ว”

    “...”

    “แกเป็นคนที่ทำให้สีชมพูดูสวยที่สุดเลย”

     

    ?“??

     

    เขาแพ้

    รางวัลชนะเลิศการประกวดวาดภาพกลายเป็นของเพื่อนห้องอื่นไป ส่วนเขาได้ที่สาม

    ผมมองดูเขายืนปรบมือให้กับผู้ชนะที่เดินขึ้นไปรับรางวัลบนเวที ดวงตาคู่นั้นหม่นแสงลงอีกครั้ง สีชมพูของเขาถูกลืมเลือน ทุกคนหันไปให้ความสนใจกับภาพของผู้ชนะ ผมยอมรับ ว่าลึกๆแล้วก็อดชื่นชมภาพวาดของคนที่ได้ที่หนึ่งไม่น้อย เขาวาดสวยมากจริงๆ

    “ไม่เป็นไรนะ”

    “ไม่เป็นไร แค่นี้เอง”

    เขาส่งยิ้มบาง แล้วค่อยล้างสีชมพูทิ้งไป ระหว่างเราสองคนไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงสายลมที่พัดผ่านก็เท่านั้น

    “ไว้ลองประกวดรอบต่อๆไปดูนะ แกต้องชนะแน่นอน”

    “ไม่เอาแล้วล่ะ”

    “...”

    “ไม่แข่งอะไรอีกแล้ว”

    ตั้งแต่เมื่อไรกันที่สีชมพูหายไป

    ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เขาเทสีชมพูทิ้งไปจนหมด

    และตั้งแต่เมื่อไรกันที่เขาเลิกพกสีชมพูติดตัว

    ผมไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น จะทำอย่างไรให้สีชมพูกลับมา

    “ไม่วาดรูปแล้วหรือ”

    “ไม่ล่ะ”

    เขาตอบกลับสั้นๆ แล้วส่งยิ้มบางให้กัน เลือกที่จะเปิดหนังสืออ่านแทนที่จะเป็นการหยิบเอาสมุดวาดรูปขึ้นมาวาดอย่างเคย ผมจ้องมองดูเสี้ยวหน้านั้นแล้วพรูลมหายใจยาว

    และนับตั้งแต่วันนั้น ผมก็ไม่เห็นเขาจับสีชมพูอีกเลย

     

    ?“??

     

    ผมยืนมองดูภาพวาดของเขาในมือ ภาพวาดสีชมพูที่ถูกขยำทิ้งลงในถังขยะด้วยฝีมือของผู้วาด

    ผมยังคงเก็บมันเอาไว้ แม้ว่าเจ้าของมันจะไม่ต้องการแล้วก็ตามที

    การกอบกู้ความมั่นใจให้กับเขาช่างเป็นเรื่องยากเย็น เมื่อถูกทำลายลงไปครั้งหนึ่ง ก็กลับแหลกสลายไปหมดจนไม่อาจจะเก็บคืนให้เขาได้

    หลอดสีสีชมพูแห้งกรังเพราะไม่ถูกใช้งาน สีไม้สีชมพูแท่งนั้นก็ยังมีความยาวเท่าเดิม

    ผมมองดูเขานั่งอ่านหนังสือวิชาที่เคยบ่นว่าไม่ชอบ เขาเลือกที่จะหยิบมันขึ้นมาอ่าน แทนที่จะหยิบเอาสมุดวาดภาพและสีชมพูกลับขึ้นมาเฉกเช่นทุกครั้ง

    ผมรู้ว่าเขาเสียใจ และผิดหวังจากการแข่งขันกับเพื่อนคนอื่นในครั้งนั้น ความพ่ายแพ้ทำให้ความมั่นใจของเขาแตกยับ จนไม่กล้าที่จะละเลงสีชมพูสีโปรดอีกต่อไป

    อยากให้เขายิ้ม อยากให้เขามีความสุข และอยากให้เขากลับมาเป็นสีชมพูที่สว่างสดใสเช่นเดิม

    ผมไม่เคยคิดว่าเขาด้อยไปกว่าใครเลย ไม่เคยคิดแบบนั้น

    “นี่มัน...”

    ดวงตาคู่นั้นเบิกออกกว้าง ก้มลงมองดูของในมือที่ผมค่อยยื่นไปให้

    สมุดวาดภาพเล่มใหม่ และสีไม้สีชมพูที่เขาชอบใช้ ผมยื่นมันให้กับเขาตรงนั้น

    “อยากวาดไหม”

    “เปลืองเงินเปล่าๆ”

    “ไม่เลย”

    “วาดไม่สวย จะให้วาดไปทำไม”

    “สวยสิ”

    “รู้อะไรไหม”

    “...”

    “แกเป็นคนเดียวเลยที่ชอบสีชมพูของเรา”

    “เราเชื่อว่ายังมีอีกเยอะที่ชอบ”

    “จริงหรือ”

    “ล้มไปแค่ครั้งเดียว อย่าเพิ่งถอดใจเลย”

    “...”

    “สักวันแกจะเก่งที่สุดในโลก จะเป็นเจ้าของภาพวาดสีชมพูที่สวยที่สุดในโลก”

    “...”

    “ลองวาดมันใหม่อีกสักครั้งนะ”

    ผมยื่นเอาความหวังครั้งใหม่ให้กับเขา ดวงตาคู่นั้นหลุบมองดูข้าวของในมือ ผมยืนมองดูเขา คล้ายมีแววลังเลปรากฏในดวงตาคู่นั้น ตอนแรกก็คิดว่าเขาอาจจะถอดใจไปแล้วจริงๆ แต่กระทั่งวินาทีสุดท้าย วินาทีที่เขาหยิบเอาสมุดวาดภาพและสีชมพูไปกอดแนบอก วินาทีนั้นผมถึงได้ยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง

    ทำสำเร็จ

    ผมรักษาสีชมพูของตัวเองเอาไว้ได้สำเร็จจนได้

    รู้สึกเหมือนสีชมพูที่เคยหม่นทะมึนถูกผสมขึ้นใหม่จนกลับกลายเป็นสีชมพูสว่างสดใสเช่นเดิม ผมนั่งลงข้างเขา มองดูมือข้างถนัดละเลงสีชมพูลงบนกระดาษ เขายิ้มออกมาจนได้ในที่สุด

    นี่สิ ถึงจะเป็นเขา เป็นตัวตนของเขาจริงๆ

    ต่อให้ใครต่อใครจะสาดสีดำทะมึนใส่สีชมพู ต่อให้มันจะหม่นลงไปอีกแสนครั้ง หรือล้านครั้ง ผมก็จะถือถังสีของตัวเองไปคอยผสมให้เขาใหม่เรื่อยไปอยู่อย่างนี้

    ในขณะที่มือของเขาจับเครื่องมือวาดภาพ มือของผมก็จะจับมือของเขาเอาไว้แบบนี้

    ขอให้เขาเป็นสีชมพูที่สวยที่สุดแบบนี้ต่อไป ขอให้เขามั่นใจในสีชมพูของตัวเอง

    เขาจะสร้างสรรค์ภาพวาดจากความฝัน และจะสร้างสรรค์ความฝันจากภาพที่วาด

    จุดสีชมพูหนึ่งจุดถูกเติมแต่งต่อไปไม่รู้จบ เช่นเดียวกับรอยยิ้มของเขา

    “สวยไหม”

    “อือ สวย”

    “งั้นจะให้รูปนี้ไว้ก็แล้วกัน”

    “ขอบคุณครับ ขอลายเซ็นด้วยได้ไหมพ่อศิลปิน”

    “แน่นอน”

    ปล่อยให้เขาได้แต่งแต้มความฝันของตัวเองต่อไป

    ส่วนผมจะคอยมองเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆ มองดูความอัศจรรย์ในตัวเขา

    ผมภูมิใจมากเหลือเกินที่ได้เห็นสีชมพูได้กลับมาเป็นสีชมพูอีกครั้ง

    เคยพูดเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลก ยอมรับว่าลึกๆมันอาจจะฟังดูเกินจริงไปหน่อย แต่ในตอนนั้นผมไม่ได้บอกเอาไว้นี่ว่าโลกที่ว่านั่นมันคือโลกใบไหน

    ผมมองดูคนเก่งของตัวเองเติบโต เฝ้ามองดูทุกความสำเร็จและความผิดพลาดของเขา โอบอุ้มในยามที่เข้าล้ม และปรบมือในยามที่เขาก้าวข้ามได้สำเร็จ

    ดังเช่นตอนนี้...

    “ขอบคุณมากๆเลยครับ”

    คนที่เคยได้รับรางวัลที่สามในตอนนั้น ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินชื่อดัง เขาถือช่อดอกไม้ในมือ หันหน้าเข้าหากล้องตัวซ้ายที ขวาที ทุกคนร่วมมาชื่นชมผลงานของเขาที่ถูกจัดเป็นนิทรรศการเล็กๆในห้องแห่งหนึ่ง เพื่อนของเขา พ่อแม่ของเขา พี่น้อง รวมไปจนถึงคนที่ไม่รู้จักต่างก็เดินมาแวะเวียนดูรูปภาพสีชมพูของเขา

    รอยยิ้มของเขาเจิดจ้าและสว่างสดใสกว่าอะไรทั้งหมด

    ผมคลายมือที่กอดอกออก แล้วปรบมือให้กับคนเก่งที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเขาแวววาว เช่นเดียวกับความสำเร็จในชีวิต

    เขาทำได้แล้ว เขาทำให้สีชมพูของเขาสวย และมีค่าไปในเวลาเดียวกัน

    “มาแล้วหรือ”

    “ครับ มาแล้ว”

    “ทำไมไม่เข้าไปหากันล่ะ”

    “คนเยอะ”

    “มัวมายืนตรงนี้ไม่ได้นะ คนสำคัญของงานเลยนะเนี่ย”

    “จริงหรือ”

    “จริงสิ”

    “...”

    “ขอบคุณนะ ทุกอย่างเลย”

    “ไม่เป็นไรครับ”

    “เลี่ยนไหม เจอสีชมพูตั้งแต่เด็กจนโตเลย”

    “ไม่เลย สวยมากๆ”

    “แกพูดเหมือนเดิมเลย”

    “ก็มันสวยจริงๆ”

    “...”

    “พวกมันทำให้เรามองสีชมพูแล้วต้องนึกถึงแกตลอดเลย”

    ผมพูดกับเขาอย่างสัตย์จริง มองดูภาพแขวนทั้งหลายที่แต่งแต้มไปด้วยสีชมพูเป็นหลัก ก่อนที่จะวนกลับมามองดูคนวาดมันที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง เขากอดช่อดอกไม้ในมือแน่น จ้องมองผมกลับ ก่อนที่จะยิ้มกว้างออกมา

    วันนี้เขากลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลก อาจจะไม่ใช่โลกของใครคนอื่น แต่เป็นโลกของผม โลกใบเล็กๆที่เต็มไปด้วยสีชมพูและเขาอยู่ในนั้น

    เคยคิดว่าสีชมพูตอนที่อยู่บนภาพวาดของเขามันสวยที่สุดแล้ว

    แต่นาทีนี้...พอมันอยู่บนแก้มทั้งสองข้าง มันกลับยิ่งดูสวยจนผมละสายตาไปไม่ได้เลยทีเดียว

    “รู้ไหม”

    “...”

    “แกเป็นสีชมพูที่สวยที่สุดแล้วจริงๆ”

     

     -----------------------------------------------

    แง อัพตอนเกือบตีสามเลย ช่วงนี้พลอตเรื่องสั้นงอกบ่อยจนต้องเขียน ; _ ; ว่าจะนอนแล้วแต่ขอมาเขียนก่อน นอนไม่หลับ

    ใครนอนไม่หลับก็มาอ่านกันก่อนได้นะคะ เรื่องสั้นกระจุ๋งกระจิ๋งเล็กน้อยพออ่านฆ่าเวลาไปเรื่อยไป 

    ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ แล้วก็ขอบคุณด้วยที่แวะมาอ่านเรื่องสั้นเล็กๆน้อยๆเรื่องนี้ ไม่มีอะไรนอกจากคำว่าขอบคุณจริงๆค่ะ

    https://twitter.com/littleskyofme

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×